Thursday, 30 March 2023

ชูวิทย์ เปิดเอกสารลับ ดีเอสไอ ใครเป็นผู้ริเริ่มเรื่องฉาว บ้านกงสุลนาอูรู ปลอม

ชูวิทย์เปิดเอกสารลับ ดีเอสไอ กับ ตำรวจ ใครเป็นผู้สถาปนาเรื่องฉาว บ้านกงสุลนาอูรูปลอม ที่สาทร

วันที่ 19 มกราคม 2566 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองโด่งดัง โพสต์เฟซบุ๊ก เกี่ยวกับเอกสารลับ ดีเอสไอ มีเนื้อหาดังต่อไปนี้

ผู้คนสงสัย ว่างานนี้เริ่มจากไหน? ระหว่างดีเอสไอ กับตำรวจ ใครเป็นผู้เริ่มเรื่องฉาว ที่บ้านกงสุลนาอูรูปลอม ที่สาทร เนื่องจากว่ากลายเป็นเรื่องแผลงฤทธิ์ของจีนเทา
ตบท้ายมีการ อมเงินของกลาง แล้วก็ปล่อยตัวจีนเทาไป โดยมีเงินตกหล่นไปเกือบจะ 10 ล้าน ผมได้นำคลิปเปิดเปิดเผย ให้เห็นเหมือนหนึ่งนั่งอยู่ในเหตุการณ์

หลังจากนั้นมีการโยน กันไปมา ระหว่างดีเอสไอ กับตำรวจ เอกสารที่โพสต์เป็น “รายงานลับ ที่หัวหน้าชุดดีเอสไอ ได้รายงานถึงอธิบดี” เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง การตรวจค้น ว่าเงินของกลาง ที่หายไป ตอนยึดไม่ได้ถือว่ามีเท่าไหร่ เอาใส่ถุงแล้วนำส่ง สถานีตำรวจทุ่งมหาเฆม เลย

(โยนความผิดไปให้ตำรวจ 191 ด้วยเหตุว่าดีเอสไอไม่ได้ขอหมายค้น แต่เป็นตำรวจที่ขอหมายค้น ดีเอสไอยังไม่ได้ลงรับ เป็นคดีพิเศษ ก็เลยไม่มีหน้าที่โดยตรง ไม่ได้เป็นผู้ตรวจนับ รวมทั้งเซ็นเอกสารการนับเงิน)

เปิดเอกสารลับ ดีเอสไอ

กรณีการขอหมายค้นเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ แจกแจงว่า

ถ้าเกิดรอรับเป็นคดีพิเศษ จะไม่ทันการณ์ ผู้ต้องหาจะหนี จึงได้ประสานตำรวจ 191 เป็นการเร่งด่วน เพื่อให้ขอหมายค้น บ้านดังกล่าว (แสดงว่าเรื่องเริ่มจากดีเอสไอก่อน และก็แทนที่กลัวผู้ต้องหาจะหลบหนี แต่กลับปล่อยหนีไปหมดเสียเอง) ท่านอธิบดีดีเอสไอ คงดีใจที่ถูกเด้ง เพราะว่าหน่วยงานดีเอสไอ ในระยะหลังมีแต่ข่าวฉาวมาเป็นช่วงๆ

คงเป็นเนื่องจากว่าเจ้าหน้าที่ มาจากร้อยพ่อพันแม่ ต่างคนต่างมา จึงไม่มีใครคุมใครได้ รวมทั้งแต่ละเรื่อง วงเงินไม่ใช่น้อย แบบเดียวกับ ปปง. ท่านอธิบดีจึง ถูกเด้งเซ่นเรื่องจีนเทาไปอีกคนส่งท้าย

อสส.สั่งฟ้อง ตู้ห่าวกับพวก ทุนจีนสีเทารวม 41 คน ข้อหาค้ายา-ฟอกเงิน-อั้งยี่ฯ

“นารี” อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง ตู้ห่าว กับพวกทุนจีนสีเทารวม 41 ราย นำคำฟ้อง 332 หน้ายื่นต่อศาลอาญา กรุงเทพใต้ หลายข้อหาหนัก ค้ายา-ฟอกเงิน-อั้งยี่-อาชญากรรมข้ามชาติโทษ สูงสุดประหารชีวิต

เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2566 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นักข่าวกล่าวว่า ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนการสอบสวนคดี นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว กับพวก
จากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 66 แล้วก็ อัยการสูงสุดได้พิจารณา สำนวนการสอบสวนคดี ดังกล่าวแล้ว นั้น

เปิดเอกสารลับ

เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 66 น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด

ก็เลยได้มีคำสั่งฟ้อง นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว กับพวก รวม 41 ราย ในความผิดฐานสมคบคิด
โดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 วัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 แล้วก็ประเภท 4 โดยกระทำการในลักษณะ
เป็นการกระทำขององค์กรอาชญากรรม, ด้วยกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่าย ยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจาย ในกลุ่มประชาชน
รวมทั้ง โดยมีอาวุธปืนทำให้เกิดผลกระทบ ต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชน, ด้วยกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่าย วัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และก็ประเภท 4
โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและก็โดยมีอาวุธปืนทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชน,
ร่วมมือโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน แล้วก็ร่วมกันฟอกเงิน, เป็นอั้งยี่ มีส่วนร่วมในองค์กร อาชญากรรมข้ามชาติ
โดยเป็นสมาชิกหรือโครงข่ายปฏิบัติการ ขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยสมคบคิดกันตั้งแต่สองคน ขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดรุนแรง
เกี่ยวกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ด้วยกันมีอาวุธปืนรวมทั้งเครื่องกระสุนปืนไว้ภายในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับใบอนุญาต,
ด้วยกันรับคนต่างด้าวทำงานโดย คนต่างด้าวไม่มีใบอนุญาตให้ทำงาน โดยฝืนต่อกฎหมาย, ร่วมกันให้เข้าพักอาศัย อำพราง
หรือช่วยด้วยประการอะไรก็แล้วแต่ให้คนต่างด้าวที่เข้าเมือง โดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม

และก็ในวันนี้ (19 มกราคม 2566) เวลา 15.00 น. อัยการสูงสุดได้มอบหมาย ให้สำนักงานคดียาเสพติด สำนักงานอัยการสูงสุด นำคำฟ้อง จำนวน 332 หน้า ไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้
รวมทั้งแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี มาส่งฟ้องต่อศาลภายในอายุความตามกฎหมายถัดไป

ดีเอสไอ ตู้ห่าว

นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด

เปิดเผยว่า น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้อง นายชัยณัฐร์ หรือตู้ห่าว เมื่อวันที่ 18 ม.ค.2566 ฟ้องนายตู้ห่าวกับพวกรวม 41 ราย ส่งสำนวนให้อธิบดีอัยการ สำนักงานคดียาเสพติด นายจรูญ ธีรนานนท์ และก็ในวันที่ 19 ม.ค.วันนี้สำนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด4 ได้นำคำฟ้องไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เป็นคดีหมายเลข ย 87 / 2566 จำเลย 23 ราย ส่วนที่เหลือดำเนินการตามกฎหมายเพื่อให้ได้ตัวมาฟ้องต่อไป

รองโฆษก สำนักงานอัยการสูงสุดกล่าวเหตุว่า โดยมีคำฟ้องรวม 332 หน้าเอกสารท้ายฟ้องอีก 35 แผ่น และอัยการสูงสุดได้มีคำสั่ง ที่ 86/66 ตั้งคณะทำงานในการดำเนินคดีถัดไปด้วย
ซึ่งคดีนี้ อัยการสูงสุดได้ลงมาช่วยคณะทำงานทำงานทุกวัน ถึงแม้ในวันเสาร์-วันอาทิตย์ โดยไม่มีวันหยุดแล้วท่านยังติดตามความคืบหน้าในทุกระยะ แล้วก็ควบคุมการบริหารงานคดีให้เป็นไปตามกำหนดเวลา
ตามกฎหมายได้ทัน สำหรับข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติดนั้นมีอัตราโทษสูงสุดถึงประหารชีวิตแล้วก็มีอายุความ 30 ปี.